#การคำนวณปริมาณการกักเก็บคาร์บอนร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ
.
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมกับ GISTDA ดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ที่พัฒนาโดย อบก. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศโดยความสมัครใจ และสามารถนำปริมาณคาร์บอนเครดิตไปขายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจในประเทศได้ นอกจากนี้ยังจะช่วยป้องกันไม่ให้ป่าถูกทำลาย และทำให้เกิดการฟื้นฟูพื้นที่ป่าช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อีกด้วย
.
GISTDA ได้เข้ามามีบทบาทในภารกิจนี้ โดยนำข้อมูลภาพจากดาวเทียมที่ผ่านการวิเคราะห์และจำแนกมาตั้งแต่ปี 2560 – 2564 มาประยุกต์ใช้เพื่อติดตามพื้นที่ป่าไม้ จำแนกประเภทป่าไม้ และประเมินความหนาแน่นชั้นเรือนยอดต้นไม้จากแบบจำลองเชิงพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอน และคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ป่าชุมชนให้มีความถูกต้องแม่นยำ ช่วยประหยัดเวลากว่าวิธีที่ต้องใช้คนจำนวนมากที่อาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้นำไปใช้วางแปลงตรวจวัดความเจริญเติบโตของต้นไม้ และคำนวณปริมาณการกักเก็บคาร์บอน เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอเข้าร่วมโครงการ T-VER กับ อบก. ต่อไป
.
#การประยุกต์ใช้ข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศ #เพื่อสนับสนุนการวิจัยในเขตพื้นที่โรงงาน #ในความรับผิดชอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
.
โดยในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา พื้นที่โรงงานในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้รับผลกระทบจากแรงงานที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นจำนวนมาก
.
GISTDA และ กรอ. ได้ร่วมมือกันพัฒนาต้นแบบเพื่อการเฝ้าระวังและลดผลกระทบของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อโควิด-19 รวมไปถึงการเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติในโรงงานขนาดใหญ่ ด้วยระบบเฝ้าระวังจากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ โดยได้เริ่มต้นประยุกต์ใช้ต้นแบบที่พัฒนาขึ้นใน 9 จังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่จำนวนมาก
.
โดย GISTDA และ กรอ. ร่วมถอดบทเรียนโครงสร้างข้อมูล มาตรการ และแนวทางการดำเนินงานในการแก้ปัญหาการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 จากกรณีที่ GISTDA สนับสนุนข้อมูลเพื่อการบริหารสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อลดผลกระทบการแพร่ระบาดในระดับพื้นที่ และเป็นแนวทางการจัดทำมาตรการ Bubble and Seal ให้แก่จังหวัดสมุทรสาคร ที่พบการแพร่ระบาดจากแรงงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และ GISTDA ได้นำโมเดลดังกล่าวมายกระดับให้สามารถบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีร่วมด้วย และพัฒนาให้เป็นระบบเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ภัยพิบัติ กรณีสารเคมีรั่วไหลและการเกิดอุทกภัย ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
.
โดยขณะนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดให้โรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำระบบนี้ไปใช้ พร้อมทั้งกำหนดเป็นมาตรการหนึ่งให้โรงงานต้องดำเนินการไว้ใน Business Continuity Planning (BCP) ของโรงงาน
.
#การปรับปรุงข้อมูลเชิงพื้นที่ของกรมราชทัณฑ์โดยข้อมูลเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
.
แม้ว่าพันธกิจหลักของกรมราชทัณฑ์คือการควบคุมและดูแลนักโทษที่อยู่ภายในเรือนจำ การบริหารจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่ยังเป็นอีกภารกิจที่สำคัญด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ยังไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่ในรูปแบบที่เป็นดิจิทัลของพื้นที่ในความรับผิดชอบที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน
.
กรมราชทัณฑ์จึงร่วมมือกับ GISTDA เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการประยุกต์ใช้ข้อมูลด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างสองหน่วยงานในการประยุกต์ใช้ข้อมูลด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ในด้านการสำรวจและการจัดทำแผนที่ด้านความมั่นคง รวมถึงด้านการวางแผนการใช้ที่ดินและการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจจเกิดขึ้นในอนาคต
.
โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้กับภารกิจของกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะการจัดทำแผนที่แสดงอาณาบริเวณเขตเรือนจำทั่วประเทศในมาตราส่วนที่ถูกต้องและมีมาตรฐาน เพื่อให้หน่วยงานภายใต้สังกัดของกรมราชทัณฑ์สามารถนำไปวางแผน การควบคุมเฝ้าระวัง และป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ในบริเวณเรือนจำทั่วประเทศได้อย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพ
.
#งานความมั่นคงร่วมกับกองทัพไทยและกองทัพอากาศ
.
กองทัพไทยเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทและภารกิจที่สำคัญในการปฏิบัติงานร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดนโยบายในด้านความมั่นคงของประเทศ และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในด้านต่างๆ โดย GISTDA ได้ลงนามความร่วมมือกับกองบัญชาการกองทัพไทย ในเรื่องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ รวมไปถึงความร่วมมืออีกหนึ่งฉบับกับกองทัพอากาศ หนึ่งในหน่วยงานภายใต้กองทัพไทย มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2554
.
ที่ผ่านมา กองทัพอากาศ กับ GISTDA ได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือในโครงการต่างๆ ทั้งในด้านวิชาการ การวิจัย การพัฒนาระบบสารสนเทศ และพัฒนาดาวเทียม ระหว่างหน่วยงานทั้งสองฝ่าย ตลอดจนการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน ใน พ.ศ. 2565 GISTDA ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาและดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนเพื่อให้เกิดการวิจัย การพัฒนาระบบสารสนเทศ และการพัฒนาดาวเทียม และการร่วมดำเนินงานดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และก่อให้เกิดการขยายผลไปยังภารกิจอื่นๆ เพื่อความมั่นคงอีกด้วย
.
#การบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม_ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
.
ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA เป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานด้านวัฒนธรรมได้
.
ที่ผ่านมา GISTDA ได้บูรณาการร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม โดยการจัดทำข้อมูลภูมิสารสนเทศของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage: ICH) และพัฒนาระบบแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ผ่าน Web Application ภายใต้ระบบนี้ยังประกอบด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียมไทยโชตแสดงสภาพพื้นที่ ณ ปัจจุบัน และข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากของจิสด้า เพื่อเป็นข้อมูลเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยน้ำท่วมที่อาจจะกระทบต่อ ICH ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการคงอยู่และความยั่งยืนของ ICH ในประเทศไทยอีกด้วย
.
ทั้งนี้ ในอนาคต GISTDA และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้วางแผนต่อยอดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศไปยังโครงการอื่นๆ ต่อไป เช่น วัฒนธรรมสุวรรณภูมิ และอารยธรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องการเฝ้าระวังภัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการคงอยู่ของวัฒนธรรม ส่งเสริมและเผยแพร่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศให้กับบุคลากรของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวข้อง เป็นต้น
.
#จิสด้าก้าวสู่ปีที่22 #จิสด้า #GISTDA #อวกาศ #ความร่วมมือ #การใช้ประโยชน์ข้อมูลจากดาวเทียม #การคำนวณปริมาณการกักเก็บคาร์บอน #มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง #กรมโรงงานอุตสาหกรรม #การเฝ้าระวังและลดผลกระทบ #โรคติดเชื้อโควิด #กรมราชทัณฑ์ #กองทัพไทย #กองทัพอากาศ #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม