หากจะพูดถึงผู้นำของวงการเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศของไทย คงหนีไม่พ้น "จิสด้า" หลายสิบปีที่ผ่านมา หน่วยงานนี้ใช้ดาวเทียมในการถ่ายภาพ เพื่อวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ และติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนผิวโลก ซึ่งไทยเราเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ให้ความสำคัญและสนใจในเรื่องของอวกาศ
ย้อนไปเมื่อปี 2514 ไทยได้มีโครงการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติด้วยดาวเทียม โดยเข้าร่วมกับโครงการNASA ERTS-1 ซึ่งเป็นโครงการขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ NASA ภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ต่อมาเมื่อปี 2522 ได้ปรับเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเป็น กองสำรวจทรัพยากรธรรมชาติด้วยดาวเทียม ซึ่งมีบทบาทในการจัดทำข้อมูล รับสัญญาณ และผลิตภาพเป็นหลัก จากนั้นราวๆ ปี 2525 ไทยมีสถานีรับสัญญาณขึ้นเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเริ่มใช้ดาวเทียมในการติดตามป่าไม้ ในช่วงนี้เองที่จิสด้าเริ่มเข้ามามีบทบาทในการให้บริการภาพถ่ายจากดาวเทียม ทั้งล้างและอัดภาพในรูปแบบของเทปและฟิล์ม เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ทีเกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์ตามภารกิจ จนกระทั่งปี 2543 จึงได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้นเป็น สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของดำเนินงานตามภารกิจมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน องค์กรและหน่วยงานต่างๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัพใหม่ เพื่อก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านนโยบายประเทศ การเข้าถึง การแข่งขัน การตลาดและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทุกองค์กรไม่สามารถหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ โดยในช่วงปี 2554 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของจิสด้าในการปรับบทบาทเข้าสู่การพัฒนา solution ให้กับประเทศแม้ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนแบบก้าวกระโดด แต่สิ่งหนึ่งที่จิสด้ามีและพร้อมที่จะไปสู่จุดนั้นได้คือ ข้อมูล เทคโนโลยี และกำลังคน ทั้ง 3 สิ่งนี้คือกลไกที่สำคัญที่จะปรับโฉมหน้าของจิสด้าไปตลอดกาล
ทว่า จากการปรับบทบาทและเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานจากที่เคยเป็นหน่วยงานเชิงรับเป็นเชิงรุกให้มากขึ้น ดังนั้น ในช่วงปี 2559 จิสด้าจำเป็นต้องจัดกระบวนทัพใหม่อีกครั้งเพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เรียกว่า “ไทยแลนด์ 4.0” โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะด้านภัยพิบัติ ด้านการจัดการเมือง ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้านการเกษตรของประเทศ เป็นต้น
สำหรับการบริหารจัดภายในองค์กรมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องปรับเพื่อเปลี่ยนเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับจิสด้าในยุค 5.5 ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างองค์กร กฎระเบียบต่างๆ เทคโนโลยี และบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปรับทัศนคติและวิธีคิด จิสด้ายุค 5.5 ต้องการบุคลากรที่ทุ่มเทการทำงานให้กับองค์กร เพราะเราเป็นหน่วยงานที่จะต้อง active และป้อนข้อมูลที่สำคัญให้กับประเทศอยู่ตลอดเวลาเพื่อสนับสนุนระบบการตัดสินใจในด้านต่างๆเพื่อนำไปสู่การวางแผน ตรวจสอบ ติดตาม และแก้ไขปัญหา ในขณะเดียวกันต้องมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และพร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกันทุกคน
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จิสด้าตระหนักอยู่เสมอคือ เราไม่สามารถทำงานได้เพียงลำพัง นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มากมาย เหตุผลเพราะด้วยความรู้ความสามารถของบุคลากรเราเองที่มีความเฉพาะทางทำให้ไม่สามารถสร้างสรรค์หรือคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ได้ ท้ายที่สุดเราอาจถึงทางตัน และไม่อาจนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาได้มากกว่านี้ ดังนั้น เราจึงต้องแสวงหาพันธมิตรร่วมเพื่อให้เกิดการทำงานในรูปแบบของ 3C ที่จะเข้ามาทำงานร่วมกัน แชร์ทรัพยากรร่วมกัน ทั้งในด้านบุคลากร ความคิด กลไกและรูปแบบการดำเนินงาน รวมไปถึงการพัฒนาร่วมกันในด้านต่างๆ ที่ไม่ได้เน้นแต่เฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อให้ออกมาเป็นผลผลิตและผลลัพธ์อันทรงคุณค่าที่สามารถมอบให้กับประเทศชาติต่อไป
จิสด้ายุค 1.0 ปี 2522 * บทบาทในการจัดทำข้อมูล รับสัญญาณ และผลิตภาพ
จิสด้ายุค 2.0 ช่วงปี 2525 - 2553 * บทบาทในการให้บริการภาพถ่ายจากดาวเทียม
จิสด้ายุค 3.0 ช่วงปี 2554 - 2558 * ปรับบทบาทเข้าสู่การพัฒนา solution ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
จิสด้ายุค 4.0 ปี 2559 --> * การเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของประเทศโดยเฉพาะด้านภัยพิบัติ ด้านป่าไม้ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้านการเกษตรของประเทศ
จิสด้ายุค 5.5 ปี 2561 --> * การพัฒนาเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปประเทศโดยใช้เทคโนโลยีที่มีความ intelligence เข้า
มาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจให้กับหน่วยงานต่างๆ โดยมุ่งหวังที่จะสร้างคุณค่าให้กับประเทศอย่างแท้จริง...
#HBDGISTDA
#18Anniversary
#loveyou