Head GISDTDA

หอเอนปิซา

มุมมองจากอวกาศ Image of the week around the world
หอเอนปิซา ประเทศอิตาลี
Serie 2 : 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (ยุคกลาง 6/7 )
พิกัด 43°43′23″N 10°23′47″E
.
หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower Of Pisa) เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีรูปทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 56 เมตร ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ความเอนเอียงของหอระฆัง ซึ่งยอดของหอระฆังนั้นห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นไปประมาณ 3.9 เมตร ตั้งอยู่ใน จตุรัส Piazza del Duomo คู่กับ มหาวิหารปิซ่า (Duomo di Pisa) เมืองปิซ่า แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี
.
หลายคนคงสงสัยกันใช่มั้ย...ว่าทำไมหอระฆังแห่งนี้ถึงเอน คงต้องย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1173 (พ.ศ. 1716) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างหอระฆังแห่งนี้ เนื่องจากพื้นดินในบริเวณที่สร้างเป็นดินโคลน ไม่ใช่ชั้นหินที่สามารถยึดเหนี่ยวฐานให้มั่นคง จึงทำให้ฐานข้างหนึ่งของหอยุบตัวลงไป เมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น การก่อสร้างก็มีอันต้องยุติลงในปี ค.ศ. 1178 (พ.ศ. 1721) เพราะเมืองปิซาเข้าสู่ภาวะสงคราม การก่อสร้างจึงต้องยุติการดำเนินการต่อนั่นเอง
.
ต่อมาในปี ค.ศ. 1275 (พ.ศ. 1818) หอคอยแห่งนี้ได้รับการต่อเติมอีกครั้ง โดยสถาปนิกนามว่า จิโอวานนี ดิ ซิโมเน (Giovanni di Simone) เขาสร้างเพิ่มอีก 4 ชั้น และราวกับว่ามีอาถรรพ์อีกครั้ง ทำให้การก่อสร้างต้องยุติลงในปี ค.ศ. 1284 (พ.ศ. 1827) ด้วยเหตุสงครามอีกเช่นเคย กว่าจะมีการสร้างหอระฆังซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของหอคอยแห่งนี้ ก็กินเวลาไปอีกเกือบ 100 ปี โดยหอระฆังชั้นสุดท้ายของหอคอยซึ่งสร้างโดย ทอมมาโซ ดิ แอนเดรีย ปิซาโน (Tommaso di Andrea Pisano) เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1372 (พ.ศ. 1915) ระหว่างการก่อสร้างช่วงแรก เพียงแค่ 5 ปี หลังจากเริ่มทำการก่อสร้าง พบว่าหอคอยเริ่มเอนลงไปทางเหนือ โดยครั้งแรกที่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของหอคอยแห่งนี้ก็ในช่วงที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมช่วงที่สอง แต่ทว่าสถาปนิก จิโอวานนี ดิ ซิโมเน ก็ยังคงเดินหน้าสร้างต่อ
.
สาเหตุที่หอเอนลง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นเพราะพื้นดินที่ใช้ในการก่อสร้างไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากชั้นดินมีลักษณะเป็นดินปนทรายและดินโคลน ทำให้ไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของตัวหอคอยขนาดใหญ่ได้ แต่ด้วยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งทำมาจากหินปูนและปูนขาว มีคุณสมบัติสามารถโค้งงอ และทนต่อแรงต่าง ๆ ได้ดีกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างพวกหินหรืออิฐ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหอคอยแห่งนี้จึงไม่ถล่มไปเลย แต่กลับค่อย ๆ เอนลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533 ) ทางรัฐบาลอิตาลีได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และวิศวกรมาหาวิธีสร้างสมดุลให้กับหอระฆังแห่งนี้ มีการซ่อมแซมกันอยู่นาน และในที่สุดหอระฆังแห่งนี้ก็เกิดความสมดุลและไม่เอนลงอีก จนสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความอัศจรรย์ของ หอเอนปิซ่า แห่งนี้ได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา
.
ปัจจุบันนี้หอเอนปิซาถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางที่ทรงคุณค่าทางศิลปะอย่างยิ่ง เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย และเป็นความภาคภูมิใจของชาวอิตาลี ด้วยความที่หอเอนปิซานี้ มีลักษณะเด่นและแปลกจากหอคอยทั่วๆไป ทำให้หอเอนปิซาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งถือว่า หากใครได้มายังประเทศอิตาลีแล้ว ไม่ได้มาชื่นชมความงามของศิลปกรรมแห่งนี้เท่ากับไม่ได้มาอิตาลีเลย และในปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1,000,000 คนต่อปีที่มาท่องเที่ยวที่นี่ ซึ่งมาจากทั่วทุกมุมโลก และหอเอนปิซานี้เองก็เป็นสถานที่ที่ผู้คนมักจะมาถ่ายรูปคู่กับความงดงามของหอด้วยครับ ใครเคยไปเยือนมาแล้วเอาภาพมาให้ชมบ้างนะครับ สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่แอดมินอยากไปมากๆ มีโอกาสดีอาจจะได้ไปเยือน ขอบคุณสำหรับการติดตาม Image of the week around the world นะครับ
.
ขอบคุณข้อมูลจาก 
https://travel.trueid.net/detail/Zz71lwYRM8em
https://geohack.toolforge.org/geohack.php?pagename=%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B2&params=43_43_23_N_10_23_47_E_type:landmark_region:IT-PI
https://www.opapisa.it/en
http://whc.unesco.org/en/list/395

#gistda #จิสด้า #จิสด้าก้าวสู่ปีที่22 #space
#ความรู้ #ต่างประเทศ #history #อิตาลี #หอเอนปิซา

phasaphong.tha 11/4/2565 0
Share :